價格:免費
更新日期:2018-09-27
檔案大小:12M
目前版本:1.0.0
版本需求:Android 4.4 以上版本
官方網站:mailto:movietoyou555@gmail.com
ก่อนไป สอบ TOEIC อยากให้ทำความรู้จักกับหน้าตา ข้อสอบ TOEIC และเทคนิคการทำโจทย์แต่ละพาร์ทก่อน!
เราไม่เคยเรียนวิธีทำข้อสอบให้ได้คะแนนมากๆ เราเรียนแต่วิธีเรียนด้วยตัวเองเพื่อให้รู้วิธีพัฒนา skills ทั้งหมดเพื่อใช้งานภาษาอังกฤษในชีวิตจริง เวลาเราสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียนเราก็สอน skills เราไม่สอนวิธีทำข้อสอบ แต่เราก็บอกใบ้ให้นักเรียนว่าถ้าอยากสอบข้อสอบภาษาอังกฤษพวก TOEIC, TOEFL, IELTS ให้ได้คะแนนสูงๆ ก็ให้ไปหา สื่อการสอนจากต่างประเทศหรือ computer software ที่ใช้สอนทำข้อสอบมาฝึก โดยเน้นว่า
"เราปูพื้นความรู้ให้คุณไปเพื่อคุณจะได้ทิ้งสื่อการสอนภาษาอังกฤษทั้งหมดเขียนเป็นภาษาไทย (ซึ่งผลิตโดยคนไทย) แล้วหันไปศึกษาจากสื่อที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษล้วนไ (ซึ่งเป็นผลงานเจ้าของภาษาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาอังกฤษ) แล้วคุณจะเก่งระดับเทพๆๆๆได้"
คนที่เก่งภาษาอังกฤษมากๆระดับเซียน เกือบทั้งหมดเรียนจากสื่อภาษาอังกฤษล้วนๆ ดังนั้น วัตถุประสงค์ของเราในการสอนภาษาอังกฤษให้คนไทยก็คือ
"ให้ทิ้งสื่อภาษาไทยและศึกษาจากสื่อภาษาอังกฤษเท่านั้น"
การสอบข้อสอบภาษาอังกฤษได้คะแนนเยอะๆมันก็แค่แสดงว่าคนสอบพอรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง แต่เวลาไปสมัครงานจริงๆถ้าหน่วยงานโง่ก็แค่ดูคะแนนที่สอบได้มา แต่ถ้าหน่วยงานฉลาดเขาจะให้ผู้สมัครงานสาธิต skills ทั้งหมดให้ดูสดๆเดี๋ยวนั้นเลย ซึ่งเราเชื่อว่าคนที่ดีใจกับคะแนนสูงๆหลายๆคนคงตกม้าตาย ถ้าเจอสัมภาษณ์งานแบบนี้
อย่างเช่นเพื่อนเราไปสมัครงานเป็นล่าม/นักแปลกับบริษัทข้ามชาติ ฝรั่งผู้บริหารเป็นคนสัมภาษณ์ ฝรั่งเอาหนังสือราชการภาษาไทยให้เพื่อนเราแปลเป็นอังกฤษสดๆเดี๋ยวนั้นโดยฝรั่งมีคำแปลภาษาอังกฤษที่ edited (ตรวจแก้แล้ว) ถืออยู่ในมือชะโงกหน้าดูอยู่ คนที่สอบ TOEIC ได้คะแนนสูงๆอาจยังเขียนภาษาอังกฤษแบบไทยๆอยู่ (เพียงแต่ผ่านเกณฑ์ TOEIC มาได้เพราเขียนรู้เรื่องหน่อยเท่านั้นเอง) ถ้าเจอบททดสอบแบบนี้ก็อาจไม่ได้งานทำ
เราไปสมัครเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเจอฝรั่งผู้บริหารสัมภาษณ์เรา เขาเอา essay ของนักศึกษาปริญญาเอกวิศวกรรมไฟฟ้ามหาลัยจุฬามาให้เรา edit (ตรวจแก้) แล้วให้เราเขียนภาษาอังกฤษอธิบายว่าภาษาอังกฤษนักเรียนเป็นอย่างนี้เราจะวางแผนการสอนยังไง ใช้สื่อการสอนอะไร วัดผลยังไง
ข้อสอบ TOEIC, TOEFL, IELTS หรืออะไรพวกนี้ แค่วัดว่าคนที่เป็น non-native speakers พอรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้างเท่านั้นเอง ไม่ใช่วัดว่าใครสอบคะแนนสูงๆแล้วจะทำงานด้านภาษาอังกฤษยากๆได้เสมอไป
ถ้าไม่เชื่อ ใครสอบ TOEIC, TOEFL, IELTS ได้คะแนนสูงๆ ก็ลองไปสมัครงานเป็น professional journalist กับหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษดูดิ ว่าจะได้งานทำหรือไม่ ดังนั้นอย่าฮึกเหิมกับคะแนนข้อสอบพวกนี้ ในชีวิตจริงมันใช้หาเงินไม่ได้ง่ายๆนักหรอก
***
วิธีเรียนภาษาอังกฤษ ควรจะเริ่มจากฟัง พูด อ่าน เขียน
นึกถึงตอนเราเป็นเด็ก ทักษะแรกที่เราเริ่มคือฟังพ่อแม่พูดภาษาไทยทุกวัน จากนั้นก็ค่อยพูดเลียนแบบตามสิ่งที่ได้ยิน
พอเข้าอนุบาลหน่อยก็เริ่มหัดอ่าน (เขียนอย่างมากก็แค่ ก-ฮ) จากนั้นจึงมาฝึกเขียนท้ายสุดครับ เริ่มจากคำ เป็นประโยคสั้นๆ แล้วจึงเป็นความยาวในที่สุด
ส่วนคะแนน TOEIC ตัดตาม curve ครับ ไม่ใช่คิดคะแนนตามจำนวนข้อที่ตอบถูก (ตอบผิดข้อ สองข้อก้ยังมีโอกาสเต็ม)
curve ของ listening กับ reading จะไม่เหมือนกัน ของ reading จะสูงกว่า
พูดง่ายๆ คือ ถ้าจำนวนข้อตอบถูก listening เท่ากับ reading คะแนนพาร์ท listening จะสูงกว่า
ส่วนตัวคิดว่า toeic ไม่ได้วัดอะไรมากครับ วัดแต่ passive skill (แถมข้อสอบยังค่อนข้างง่าย)
ซึ่งเวลาทำงานจริง active skill ก็สำคัญไม่แพ้กันครับ